ถ้าให้พูดถึงประเภทของภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ก็คงจะเป็นหนังรัก ที่มีความโรแมนติก แม้ว่าเรื่องราวจะไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ก็มีข้อคิดเกี่ยวกับความรักให้เราตราตรึงใจมากมาย ซึ่งหนังรักของไทยก็ทำออกมาดีมากๆ จนบางเรื่องกลายเป็นตำนานหนังรักที่ต้องไม่พลาดเลย
1.รักแห่งสยาม (2550)
ขอยกให้เป็นที่ 1 ของตำนานหนังรักไทยที่ต้องดูให้ได้ เป็นหนังที่ มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก และการค้นหาตัวตน ผ่านมุมมองของเด็กชายสองคน โดยมีสยามสแควร์เป็นสถานที่เชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมด เรื่องราวอบอุ่นเริ่มขึ้น เมื่อสายลมหนาวแห่งฤดูกาลโพยพัดมา ที่นี่แห่งนี้ “สยามแห่งรัก” …โต้ง (มาริโอ้ เมาเร่อ) เด็กชาย ม.6 หน้าตาดี มีแฟนสวยเสียจนเพื่อน ๆ และผู้ชายทั้งสยามสแควร์จะต้องอิจฉา แต่ใครเลยจะรู้ว่าความสดใสและน่ารักของ โดนัท (ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) สำหรับโต้งเริ่มจะกินไม่ได้เสียแล้ว โต้งเริ่มตีตัวออกห่างโดนัทและเริ่มค้นหาคำตอบให้กับชีวิตตัวเอง ในขณะที่ มิว (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล) เด็กชายวัยเดียวกันผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรีก็กำลังทุ่มเทความรักให้กับเสียงเพลงและวงดนตรีของตัวเอง มิวเป็นเด็กผู้ชายขี้เหงาที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความรักมานานแสนนาน ตั้งแต่อาม่าตายจากไป ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับโจทย์เพลงรักที่มิวต้องแต่งให้กับ “วงออกัส” เพื่อนำไปเสนอกับค่ายเพลงใหญ่ ในเวลาเดียวกับที่ หญิง (กัญญา รัตนเพชร) เพื่อนบ้านของมิวก็คอยให้กำลังใจและแอบมองมิวอยู่ห่าง ๆ แต่มิวก็ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่หญิงมีต่อตัวเองเลย
2.แฟนฉัน (2546)
อีกหนึ่งหนังรักที่ปนความน่ารักของนักแสดงเด็กอย่าง แน็ค ชาลี ไตรรัตน์ และโฟกัส จีระกุล พร้อมกับผองเพื่อนที่ขอบอกเลยว่าฝีมืการแสดงยอดเยี่ยมจริง โดยเรื่องแฟนฉันได้สร้างซิกเนเจอร์ให้นักแสดง อย่างเช่น แจ็ค แฟนฉัน เป็นเรื่องราวที่พูดถึง การแอบรักเพื่อนสนิทซักคนในตอนนั้น นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายและทำให้หัวใจเต้นเร็วเป็นอย่างมาก แฟนฉันบอกเล่าเรื่องราวของน้อยหน่า และเจี๊ยบ เพื่อนรักต่างเพศที่บ้านอยู่ห่างกันแค่เพียงคูหากั้นกลาง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกความสัมพันธ์จะราบรื่น ด้วยความอยากเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อน เจี๊ยบได้ทำบางอย่าง ซึ่งทำให้มิตรภาพระหว่างเขากับน้อยหน่าเปลี่ยนไป และสุดท้ายน้อยหน่าก็ได้ย้ายบ้านหนีไป
3.รถไฟฟ้ามาหานะเธอ (2009)
เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ที่นำเสนอในมุมมองของ “เหมยลี่” พนักงานบริษัทสาวโสดวัย 30 ปี ที่พบรักกับวิศวกรรถไฟฟ้าของรถไฟฟ้าบีทีเอส จากนั้น ลี่ ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนเคยคิดแต่ไม่กล้าลงมือ นั่นคือการจีบผู้ชายก่อน เริ่มจากแผนการแรกจากคำแนะนำของ เพลิน แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่หัดจีบอย่าง ลี่ เพราะเวลาของเธอและเขาไม่ตรงกันจนเหมือนอยู่คนละโลก งานนี้ เพลิน จึงรับหน้าที่เป็นผู้ช่วย แต่เมื่อ เพลิน ได้เจอกับ ลุง แผนการจีบผู้ชายของ ลี่ ท่าทางจะไม่เป็นผล เพราะ เพลิน กำลังจะแปรพักตร์จากครูไปเป็นคู่แข่งความรัก แต่ไม่ว่าจะต้องผจญอุปสรรคไหนๆ ลี่ ก็ไม่คิดถอดใจ ตั๋วรักรถไฟ(ฟ้า) เที่ยวสุดท้ายใบนี้ ลี่ สาบานว่าจะไม่ยอมให้หลุดมือเด็ดขาด ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับอย่างดี เปิดตัวรายได้ในวันแรกที่ 15.1 ล้านบาท ทำลายสถิติรายได้วันเปิดตัวในปีนี้ของภาพยนตร์ ห้าแพร่ง ที่ 14.9 ล้านบาท ติดอันดับ 1 ยาวนาน 4 สัปดาห์ ทำรายได้รวม 145.82 ล้านบาท